ความหวาดกลัวที่ตามล่าคุณ
Resident Evil 3 Nemesis (Classic) เป็นเกมที่สามใน Capcom’s ซีรีส์สยองขวัญเอาชีวิตรอดที่มีชื่อเสียง เกมนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 เป็นเกมแอ็คชั่นที่ทำหน้าที่เป็นทั้งภาคก่อนและภาคต่อของ Resident Evil 2 โดยติดตาม Jill Valentine ขณะที่เธอพยายามหลบหนีจาก Raccoon City ในช่วงที่การระบาดของ T-virus ถึงจุดสูงสุด.
Resident Evil 3 Nemesis (Classic) กลายเป็นที่มีชื่อเสียงจากผู้ติดตามที่ไม่หยุดหย่อน Nemesis ซึ่งตามล่าผู้เล่นตลอดทั้งแคมเปญ ด้วยการผสมผสานของ ความตึงเครียดสยองขวัญแบบคลาสสิก และ กลไกใหม่ มันได้ทิ้งรอยประทับที่ยาวนานต่อแฟน ๆ ของซีรีส์.
เนเมซิสกำลังมา
Resident Evil 3 Nemesis (Classic) จับภาพความโกลาหลของ เมือง ที่ กำลังล่มสลาย ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ก่อนหน้า แตกต่างจากห้องที่แคบของแมนชั่นหรือสถานีตำรวจ ผู้เล่นต้องเดินทางผ่านถนนในเมือง ท่อระบายน้ำ และโรงงานอุตสาหกรรมในขณะที่การระบาดเริ่มควบคุมไม่ได้ การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของจิลทำให้เรื่องราวมีมิติส่วนตัวมากขึ้น ในขณะที่เนเมซิสที่ไม่หยุดยั้งทำหน้าที่เป็นการเตือนใจถึงการเข้าถึงที่ชั่วร้ายของอัมเบรลล่า
เกมนี้ยังคงรักษาพื้นฐานของความสยองขวัญในการเอาชีวิตรอดจากผู้ก่อนหน้า แต่แนะนำ นวัตกรรมสำคัญหลายประการ กลไกการหลบหลีกทำให้จิลมีความคล่องตัวมากขึ้น ทำให้การต่อสู้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น การสร้างกระสุนยังเป็นครั้งแรกที่ปรากฏให้เห็น ทำให้ผู้เล่นสามารถรวมประเภทของดินปืนเพื่อตอบสนองความต้องการของตน เนเมซิส เพิ่มองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่น่าตื่นเต้น โดยพุ่งทะลุกำแพงหรือซุ่มโจมตีผู้เล่นเมื่อไม่คาดคิด มันผลักดันให้ผู้เล่นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ต้องจัดการทรัพยากร
พื้นหลังที่ถูกสร้างล่วงหน้ายังคงสร้างความประทับใจด้วยรายละเอียดที่มีบรรยากาศ สร้างเมืองที่ รู้สึกมีชีวิต แม้จะเสื่อมโทรม เสียงที่ออกแบบมาเพิ่มความเข้มข้นให้กับประสบการณ์ ตั้งแต่เสียงฝีเท้าที่น่าขนลุกของเนเมซิสไปจนถึงเสียงบรรยากาศที่น่าขนลุกที่สะท้อนผ่านถนนที่ถูกทิ้งร้าง ขณะที่นักวิจารณ์บางคนในขณะนั้นรู้สึกว่าเกมนี้ สั้นกว่า Resident Evil 2
จากความตึงเครียดสู่ความโกลาหลที่เต็มไปด้วยแอ็คชั่น
Resident Evil 3 Nemesis (Classic) ได้สลักชื่อของมันในประวัติศาสตร์ความสยองขวัญแบบเอาชีวิตรอดด้วยตัวร้ายที่ไม่หยุดหย่อนและการกระทำที่เพิ่มขึ้น โดยการผสมผสานการสำรวจที่ตึงเครียดเข้ากับกลไกใหม่ๆ เช่น การหลบหลีกและการสร้างกระสุน มันได้ผลักดันซีรีส์ไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงรักษารากฐานที่มีบรรยากาศไว้ แม้ว่าจะสั้นกว่าภาคก่อน แต่ความเข้มข้นและความไม่แน่นอนของมันได้สร้างผลกระทบที่แข็งแกร่ง ทำให้มันเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำที่สุดของ Capcom และเป็นช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแฟนๆ ของความสยองขวัญแบบเอาชีวิตรอด.




